ก็มันไม่เสถียร

เมื่อก่อนได้ยินคำว่า “วินโดว์ ไม่เสถียร” ดูเป็นเรื่องปกติ อันไหนไม่ “เสถียร” ก็หาอันอื่นมาลง ทั้งๆ ที่ มันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ แต่ปรับแก้โน่น นั่น นี่ ลองย้อนดูตัวเราเองบ้างหรือป่าว ไอ้ที่โทษว่ามันไม่เสถียร อย่างงั้น อย่างงี้ เราใช้เป็นหรือป่าว? เราศึกษามันมาแค่ไหน?

ผมเองนับว่ายังโชคดีที่เกิดมาทัน Windows 3.1 จอเขียวๆ แต่แค่ได้เห็นเท่านั้นละครับ ตอนนั้นไม่กล้าจะจับต้องหรือทำอะไรกับมัน เพราะ “เราไม่เป็น” จนได้เรียนตั้งแต่ Windows 95 ที่ยังต้องใช้แผ่น Floppy Disk ใส่เกมส์ไปเล่นทุกวัน แล้วอีไวรัสสมัยนั้นมันก็มีแล้ว ทำให้ติดกันไปทั่วทั้งห้อง Anti-Virus สมัยก่อนก็ไม่ต้องบอกครับว่ามีเจ้าไหน ที่คนรู้จักกันดีก็คือ McAfee เหอะๆ ช่วยไรไม่ได้เลย ถ้าเราไม่ Scan มันก็จะไม่เจอไวรัสครับ เมื่อก่อนมันไม่ได้ทำให้เป็น On-Demand Scaning ต่อมาก็ใช้ Windows 98 ช่วงนี้เริ่มมีเกมส์คอมพิวเตอร์เข้ามามากมาย ตั้งแต่ Red Alert, Battle Realm, Counter Strick, และอีกมากมาย ซึ่งเพราะไอ้เกมส์นี่แหละ ทำให้เราต้องลง Windows ใหม่บ่อยๆ เป็นเพราะมันต้อง Crack หรือบางทีเราลบออก แล้วมันดันดึงไฟล์ในเครื่องออกไปด้วย บ้างครั้งมันก็เข้ามาติดตั้งและแก้ไขไฟล์ในระบบ ทำให้มันใช้งานไม่ได้ เหอะๆ

ครั้งแรกที่ลง Windows ผมยังจำได้ ใช้เวลาหลายชั่วโมง เนื่องจากตอนนั้นอาศัยครูพักลักจำ มีน้าที่เขาเก่งคอมแถวบ้าน เขาจะมาลง Windows ลงเกมส์ให้บ่อยๆ ผมเลยอาศัยดูเขา แล้วลองทำเอง ก็มั่วอยู่หลายที มีทั้งแบบลงซ้อนกัน 2 ตัวบ้าง format ผิดบ้าง ไม่ได้สร้าง Partition บ้าง ก็ให้ถือซะว่ามันเป็น “ครู” ของเรา ที่ได้ให้วิชาความรู้และประสบการณ์แก่เรา จนมาถึง Windows ME ก็ได้ใช้อยู่ไม่นาน ก็ปรากฏ WindowsXP ขึ้นมา ทำให้โลกประจักษ์แล้วว่า นี่แหละเป็น Windows ที่เจ๋งสุดๆ Interface สวยงาม และทันสมัยมากๆ ต่อมาก็ตามไปด้วยปัญหามากมาย ทั้ง Virus, Registry, file sytem, Security ที่มันมากมายก่ายกอง แต่เขาก็มีระบบ System recovery นะ ที่เอาไว้มีเด็กมือซนมาเล่นลบไฟล์ในเครื่อง เราจะได้ Recovery กลับมาได้

สารภาพตามตรงเลยว่า ผมเคย Recovery ไม่ถึง 5 ครั้งในชีวิต พอเราลองแล้ว รู้แล้ว ว่ามันก็ไม่ได้ดีไปกว่าการที่เรา Backup File ไว้ที่อื่นเลย แถมสิ้นเปลืองพื้นที่อีกต่างหาก ตอนนั้นผมใช้ Windows เริ่มทนขึ้น เริ่มทนในที่นี้หมายถึง ผมไม่ต้องลงใหม่บ่อยๆ ไม่ต้องลอง ว่าตัวนั้นดีไม่ดี พอนึกอย่าล้างเรื่องซักทีก็ ลงใหม่ ง่ายดายใช่มั้ยครับ

แต่พอช่วงหลังที่ผมรับงานส่วนตัวมากขึ้น เราต้องใช้โปรแกรมเฉพาะมากขึ้น ต้องติดตั้งและปรับตั้งการใช้งานให้มันทำงานได้ ต้องมี Favorite มี Bookmark มีการตั้งค่าต่างๆ มากมายไว้ในเครื่อง ตรงนี้เองที่ทำให้ผมใช้ Windows ได้นาน มันทำให้เราฝึกที่จะ “ดูแลรักษามัน มากกว่าพามันไปซ่อม” ตอนนั้นผมก็รับลงโปรแกรมด้วย เครื่องที่ยกมาแต่ละอย่างผมเห็นแล้วยังอดหัวเสียไม่ได้ ว่าร้านมันลงมาได้ยังไง โปรแกรม 1 โปรแกรม แต่ตัวแถมเป็นร้อย คนเราอะนะ มันสัจแต่ว่าจะคลิก Next ท่าเดียว จนไม่รู้เลยว่า มันให้เราติดตั้งอะไรบ้าง แล้วร้านเองก็ Ghost มาเกือบทั้งนั้น ซึ่งมันก็สะดวกสำหรับเขา ผมเองก็ Ghost นะ แต่ Ghost แต่ Windows เพียวๆ จะได้ไม่เสียเวลา ส่วนโปรแกรม ผมจะมาเลือกลงทีหลัง เพราะว่าแต่ละคนมันใช้งานไม่เหมือนกัน เห็นแล้วอยากเอาระเบิดไปปาร้านเสียจริงๆ มันมักง่ายเกินไปหรือป่าว ที่เอาขยะมาใส่เครื่องให้ลูกค้าแบบนี้?

จนมาวันนี้ ผมลง Windows 7 ที่ใช้อยู่ ก็เกือบ 3 ปีแล้วครับ แล้วอัพเดทเป็น SP1 เมื่อต้นปีก่อน ถามว่าทำไมผมใช้ได้นาน คงไม่ต้องตอบคำถามข้อนี้ เพราะผมได้กล่าวไปหมดแล้ว ซึ่งเหตุผลของผมคงพอที่ผมจะใช้มันไปจนกว่าต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ หรือต้องขยายกิจการออกไป ให้มันไม่ไหวจริงๆ ผมคงต้องมีทางเลือกที่ดีกว่านี้

ทีนี้ เราคงทราบกันแล้วว่า ที่ว่ามันไม่เสถียรน่ะ คืออะไร?