คำขึ้นต้นนี้เป็น “Quote” ที่เพิ่มเข้ามาในสารบบคำฮิต ของตัวผมเองเมื่อปลายปี 2013 ช่วงที่ facebook มันบูมหนักๆ จัดว่า peak สุดๆ จนทำให้เจ้าพ่อแห่งFacebook พี่มาร์กซัคฯ ทำการลดเปอร์เซ็น “การเห็นกับตา” ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “Organic Reach” เหลือแค่ 1-2% (อ่านข่าว) ซึ่งที่เกริ่นมาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหานี้หรอก แค่อยากพิมพ์ให้อ่านเท่านั้นเอง
จากประสบการณ์การใช้โซเชี้ย เอ้ย! โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค (Social Network) มาอย่างโชกโชน มันจะมีคนประเภทหนึ่งที่มีทุกยุค ทุกสมัย จะบอกว่าเป็นข้อเสียก็ไม่ถูก แต่มันเป็นความเคยชิน (ที่ควรจะเลิกชินเสียที) เมื่อย้อนไปในอดีตแล้วเราจะพบเหตุการณ์ต่อไปนี้ได้ง่ายมากๆ ในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น
เรากำลังกินข้าวอยู่หน้าทีวี แล้วมีแขกมาหาพ่อแม่ เขาก็ถามด้วยคำถามที่เคยชินว่า “กินข้าวหรอ?”
ผมได้แต่ตอบในใจว่า “-_- ปลูกต้นไม้อยู่ละมั้งครับ”
และในโลกคู่ขนาน
กำลังปลูกต้นไม้อยู่หน้าบ้าน แล้วมีคนรู้จักเดินผ่านมา “เอ้า ทำไรอยู่?”
ผมได้แต่ตอบในใจว่า “-_- กินข้าวมั้ง”
ก็เห็นอยู่กับตาเนี่ยยยย แล้วจะถามทำมายยยยยยยยย
จนเรื่องราวของความเคยชินนี้มันยืดเยื้อมาสู่สังคมออนไลน์
“ใช่ครับ คนไม่อ่าน นี่ก็ไม่อ่านจริงๆ”
คุณจะเห็นคนพวกนี้ได้ตามหน้า wall ของคุณเอง ตามกลุ่มที่รับคนไม่เลือกหน้า ตามเพจที่เม้นไลค์กันไม่อั้น หรือแม้แต่ตัวคุณเองก็เถอะ!!!
ผมจะแนะนำวิธีที่จะอยู่กับคนประเภทนี้ได้อย่างปกติสุข โดยที่คุณไม่ต้องมาหัวเสียกับพฤติกรรมขี้สงสัยของพวกเขาครับ
หากคุณจะโพสข้อมูลอะไรซักอย่าง หรือต้องการแชร์เนื้อหาที่คุณสนใจ และอยากบอกต่อให้คนรอบๆข้างเขาเห็น คุณไม่ต้องบรรยายให้มันมากความ คุณโพสแค่ภาพเท่านั้น เพื่อให้คนเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วม อย่างน้อยไลค์ให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ก็ยังดี เดี๋ยวความขี้สงสัยเขาจะผุดขึ้นมาในหัวเองครับ เช่น
ผมไปเที่ยว แล้วผมอยากบรรยายว่าที่นี่อากาศดี วิวสวย ผมก็ถ่ายรูปวิวมาแล้วโพสไปที่หน้า wall รอให้ปลามากินเหยื่อ ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือเขาจะถามคำถามนี้ครับ “ที่ไหน”, “อากาศดีมั้ย”, “ไปมาเมื่อไหร่” บลาๆๆ มันจะทำให้คุณได้บรรยายสิ่งที่คุณอัดอั้นได้อย่างเต็มที่และมีคนสนใจจะฟัง
ถ้า…ไม่มีคนถาม ทำอย่างไร?
ผมคงบอกคุณได้แค่ว่า ลองเปลี่ยนเหยื่อดูครับ
ถ้า…มีคนถาม!
ผู้ล่าและผู้ถูกล่าก็จะได้มาพบปะสังสรรค์กัน ทำให้คุณและคนรอบข้างได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากกว่าการกดไลค์
ที่ผ่านมาบางคนโพสพร่ำเพรื่อ อัพสเตตัสทุกๆ 10 นาทีเลยก็ว่าได้ ว่ากินข้าวอยู่?ทำธุระส่วนตัว ขึ้นรถไฟ ไปช๊อปปิ้ง แอบปิ๊งหนุ่ม งานสุมหัว ตัวอ้วนจัง นั่งสมาธิ โอ้ย มีอีกเยอะ ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่เซเลป เขาอาจจะมองว่าคุณแพร่มอะไรไร้สาระ โพสห่าอะไรเยอะแยะ รก Wall กด hide หรือ unfriend คุณไปในที่สุด แต่ถ้าคุณเป็นเซเลปนี่ทำอะไรก็เป็น talk of the town ไปหมด ไม่ว่าจะ… จะพิมพ์มั่วๆ จะอัพแต่รูปแล้วบรรยายสั้นๆ “หยุดหรือไปต่อ” แค่นี้คนก็เผือกที่จะอยากรู้กันทั่วทั้งบาง
ลองเอาไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการโพส หรือ แสดงออกของเราดูครับ ถ้าได้ไม่ได้ยังไงฝากคอมเม้นต์ไว้ที่ด้านล่างผมรอเผือกคุณอยู่
