“You don’t have to live your life the way other people expect you to”
— Chris Guillebeaus
1. ACCEPT WHAT PEOPLE TELL YOU AT FACE VALUE.
การยอมรับในมูลค่าที่คนอื่นกำหนดให้
“คนเราเลือกที่จะเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” คำพูดประโยคนี้มักได้ยินบ่อย ซึ่งอาจจะเป็นคำที่ให้กำลังใจได้ในบางคน บ้างก็เกิดมาเพื่อยอมรับในสิ่งที่เกิด ยอมรับในสิ่งที่เป็น อย่างไม่มีเงื่อนไข โดยยกตัวอย่างการศึกษา เพราะเหตุใดผู้ปกครองถึงอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ ดังๆ เพราะสังคมมันดีกว่า ทำไมถึงคิดว่ามันดีกว่า เพราะเขารับรู้กันมาอย่างนั้น และเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น มิได้มองถึงว่าเด็กที่เรียน พัฒนาการก็มิได้ต่างจากเด็กอื่นๆ แต่เขาถูกกรอบของสังคมกำหนดมาแบบนั้น ถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมที่อยู่ มันมิใช่เพราะตัวเขาอยากจะเป็นเช่นนั้นเอง แต่สังคมมันหล่อหลอมให้เห็นคุณค่าแบบนั้น
2. DON’T QUESTION AUTHORITY.
ไม่มีปากมีเสียง
ยามที่เรียน เป็นห้วงเวลาที่น่าจะมีความสุขสบายที่สุดแล้วสำหรับชีวิตมนุษย์ ได้เล่น ได้คุย ได้เจอเพื่อนฝูง ได้พบปะผู้คน ได้มาอยู่รวมๆ กันเป็นหมู่คณะ เมื่อยามเข้าห้องเรียน หรือ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิต กลับเป็นฝ่ายที่รับฟังเสียมากกว่าการตั้งคำถาม ด้วยความสงสัย เป็นปกติที่เวลาครูถามว่า เข้าใจไหม ทุกคนจะเงียบ แล้วหยักหน้า หงึกๆ
3. GO TO COLLEGE BECAUSE YOU’RE SUPPOSED TO, NOT BECAUSE YOU WANT TO LEARN SOMETHING.
เข้าวิทยาลัยเพื่อจะเรียนให้จบได้ใบปริญญา, ไม่ใช่เพราะต้องการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง
เรียนจบปริญญาเพื่อเอามาฝากพ่อฝากแม่ เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ซึ่งคนไม่น้อยที่ไม่รู้จริงๆว่า จะเรียนต่ออะไร และเรียนต่อไปทำไม อาจจะวาดฝันไว้ว่าถ้าเรียนสาขาวิชานี้เมื่อจบไปแล้วจะได้ทำงานโน้น นั่น นี่ แต่ไม่น้อยที่จบมาแล้วทำงานไม่ตรงสาย จบจนได้ใบวิชาชีพ แต่มาทำมาค้าขาย เพราะรวยกว่า สบายใจกว่า ซึ่งก็ไม่ผิด แต่มันควรจะไปเสียเวลาร่ำเรียนอีกทำไมตั้ง 4 ปี
4. Sit at a desk 40 hours a week for an average of 10 hours of productive work.
จับเจ่ากับโต๊ะทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เฉลี่ย 10 ชั่วโมงเป็นประสิทธิผลของงาน
เมื่อย่างเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว แรกๆเข้ามาใหม่ไฟแรง คิดฝันจะทำนั่นทำนี่ ตั้งปณิธานไว้แน่วแน่ ว่าจะนำพาองค์กรให้ก้าวหน้า บลาๆๆ พออยู่ไปซักพักพบเจอกับวัฒธรรมองค์กรแบบเช่าชามเย็นชาม ทำงานตามผลลัพท์ ไร้ประสิทธิภาพ เข้างาน 9โมงเช้า เลิกงาน 5โมงเย็น เป็นแบบนี้ 5 วัน วนไปวนมา พอสิ้นเดือนก็รอรับเงินเดือน สิ้นปีรอฟังผลโบนัส นึกอิดออดถ้าไม่ได้ หรือ ถูกลดโบนัส หมดกำลังใจ หมดเรี่ยวแรงทำงาน ครั้นจะออกก็กลัวจะหางานอื่นทำไม่ได้ อีกทั้งภาระหนี้สินที่ก่อขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เหมือนชีวิตอยู่บนถนนที่เป็น One Way ที่ไม่มีทางแยก จะหยุดไม่ได้ถ้าไปไม่สุดทาง
5. Go overseas once or twice in your life, to somewhere safe like England.
เที่ยวต่างประเทศบ้างครั้งสองครั้ง ส่วนมากเป็นสถานที่สะดวกสบาย และปลอดภัย (อย่างเช่นอังกฤษ)
การเข้าใจว่าการท่องเที่ยวคือการพักผ่อนที่แสนสบายนั้น ทำให้คุณเสียโอกาสในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย เพราะ…เมื่อคุณทำงาน เมื่อคุณมีครอบครัว คุณจะหาเวลาไปเที่ยว ออกไปยังสถานที่ต่างๆ ได้น้อยมาก เว้นแต่ถ้าคุณทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ แต่อย่ากระนั้นเลย หากคุณใช้เวลาพักผ่อน ร่วมกับเวลางานก็มักจะถูกมองไม่ดี ยิ่งถ้าต้องไปกับคนหมู่มาก คนอื่นก็จะคิดว่าเป็นการใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง ไร้ประโยชน์ และเกิดข้อครหาตามมาไม่รู้จบ หากคุณมีโอกาสพักผ่อน คุณลองเปลี่ยนวิถีความสะดวกสบาย ไปนอนกางเต้นท์ เดินป่า ปีนเขา หรือ ไปในที่ไม่คุ้นเคย โดยเริ่มต้นจากการนั่งรถโดยสาร รถไฟ โบกรถ ไปเรียนรู้วิถีชีวิตคนต่างถิ่น ได้แลกเปลี่ยนทัศนะ ความรู้ ก็คุ้มค่าแล้ว หรือใครจะคิดว่ามันไม่เหมาะกับ Life Style แบบเราเลย คุณก็ลองกลับหัวคิดเสียใหม่ว่า Life Style ที่คุณว่า คุณทำเพราะมันเป็นกระแส หรือ เพราะคุณไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไร
6. Get the largest mortgage you qualify for and spend 30 years paying for it.
ลงทุนครั้งใหญ่ ที่ต้องแลกมาด้วยเวลา 30 ปี ถึงจะจ่ายมันหมด
ใครที่ฝันอยากมีบ้าน หากไม่ได้มีเงินถุงเงินถังจาก บรรพบุรุษแล้วละก็ คงไม่พ้นต้องกู้หนี้ยืมสินจากธนาคาร และระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานล่วงเลยไป 30 ปีก็แก่ไปดี กว่าจะได้อยู่บ้านที่ปลอดหนี้ ลูกหลานก็โตพอดี ซึ่งมันก็คือวิธีธรรมดา ที่คนอื่นๆ เขาก็ทำกัน ซึ่ง ณ วันนี้ผมเองก็มีหนี้อยู่ก้อนนึงที่ต้องใช้เวลา 30 ปีในการชำระหนี้นี้เหมือนกัน ถ้าผมมีวิธีที่ไม่ธรรมดา ผมจะไม่ลืมมาบอกเล่าแน่นอน
7. Don’t try to learn another language, everyone else will eventually learn English.
ไม่คิดจะเรียนรู้ภาษาอื่น เกิดมาก็รู้แต่ภาษาพ่อภาษาแม่เนี่ยแหละ
มันเป็นเรื่องของโอกาสในการศึกษา คนทั่วไปจะคิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องไปเรียนภาษาเพิ่มเลย ฉันก็ทำงานที่ใช้แต่ภาษาของบ้านฉัน คนส่วนมากมองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการศึกษาภาษาที่ 3 คิดว่าการสื่อสารด้วยภาษาแม่ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก ตัวช่วยเรื่องการสื่อสารก็มีมาก จะดีกว่ามั้ยถ้าเราสามารถเข้าใจสิ่งที่คนต่างภาษาพูด สิ่งที่เขาต้องการสื่อสารกับเรา การเรียนภาษาอื่นนอกจากทำให้เราเข้าใจภาษาแล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของสมองอีกด้วย
8. Think about writing a book, but never do it.
คิดจะเขียนหนังสือ แต่ไม่เคยทำ (ได้แต่คิดว่าจะทำ แต่ไม่ได้ทำ)
คนธรรมดาแบบนี้มีถมไป พอสุดท้ายสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือตอนแก่ชรา ซึ่งจากการสำรวจของสถาบันวิจัยหนึ่งพบว่า สิ่งที่ทำให้คนวัยเกษียณรู้สึกเสียดายมากคือ “สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ” พอคิดจะทำเวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว จนไม่อาจจะทำได้ จนมีคติประจำใจที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” ตามด้วย “ทำแล้วเสียใจ ดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ” นั่นละครับท่านผู้ชมครับ
9. Think about starting your own business, but never do it.
คิดอยากจะเปิดกิจการของตัวเอง แต่ไม่เคยลงมือทำอีกเช่นกัน
จากที่จะลองคิดของทำอะไรแล้วมันไม่ได้ลงมือ พร้อมกับวัยที่ก็ล่วงเลยมาครึ่งชีวิตแล้ว คนส่วนมากพอถึงจุดๆ หนึ่งเมื่ออิ่มตัวจากการทำงาน มักจะหันไปประกอบอาชีพของตัวเอง อย่างง่ายที่สุดคือการค้าขาย ซึ่งก็ต้องลงทุน ลงแรงกับมัน บางคนคิดอยากทำโน้นทำนี่ อยากได้ทำเลค้าขายดีๆ อยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่ด้วยภาระหน้าที่และเวลามันช่างไม่เอื้ออำนวยต่อความฝันเอาเสียเลย ซึ่งจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว คนที่เคยผิดพลาดคือคนที่ลงมือทำ ไม่ใช่คนที่คิดแต่จะทำ แต่กลัวผิดพลาด ฉะนั้น หากโอกาสดี มีเวลาเหมาะๆ ลองรื้อฟื้นกิจการในฝันของคุณขึ้นมาซักอย่าง ทำจากเล็กๆ ค่อยๆ ทำ หากมันดี และจับอะไรเป็นชั้นเป็นอันได้ ก็ทำให้ใหญ่ขึ้น ไม่แน่ว่าคุณอาจจะชอบมันมากกว่างานประจำที่ทำอยู่ซะอีก แต่ถ้างานประจำของคุณทำดีอยู่แล้วและไม่คิดจะหาอย่างอื่นทำ ก็ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาต่อไป
10. Don’t stand out or draw attention to yourself.
ไม่เคยแตกแถว แม้จะเคยทำอะไรที่แตกต่างออกไป แต่ไม่โดดเด่นไร้แรงดึงดูด
เคยคิดมั้ยว่าคุณจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ทำอะไรที่มันโดดเด่นกว่าคนอื่น จุดแข็งของคุณคืออะไร? อะไรคือจุดที่น่าสนใจในตัวคุณ หากแม้ว่าคุณเคยทำ สิ่งที่คุณทำนั้นมันโดดเด่นจริงหรือป่าว หรือเป็นเพียงการทำตามกระแสที่เขาทำกัน ผมยกตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ เลยคือการทำ Ice Bucket Challence ที่ดังมากในช่วงกลางๆปี 57 คนที่เริ่มต้นจะเป็นหัวแถวที่ค่อนข้างโดดเด่น เพราะเริ่มต้นก่อน แต่พอผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น กระแสมันก็เริ่มอ่อนลง คนเริ่มเล่นกันแบบท้าไปท้ามา ผิด concept หรือเป้าประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ไป บ้างก็พิเรนทร์ใช้น้ำโคลนบ้าง น้ำผสมสีบ้าง ต่างๆนานา ซึ่งเมื่อกระแสมันนิ่ง คุณก็จะอยู่ที่เดิม คือเกาะกระแสไปวันๆ เพื่อให้อยู่รวมฝูงกับคนหมูมากได้ ในทางธุรกิจก็ไม่ต่างกัน ถ้าคุณไม่มีจุดขายที่โดดเด่น ก็ยากที่จะตีตลาดคู่แข็ง แม้ว่าเดิมคุณมีส่วนแบ่งการตลาดมาก แต่หากคู่แข่งชูจุดแข็งของเขามา ตรงใจลูกค้ามากกว่า เขาก็จะแย่งลูกค้าไปจากคุณโดยปริยาย ในข้อนี้มิใช่การสนับสนุนให้แก่งแย่งแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น แต่เป็นการบอกให้คุณตระหนักให้ดีว่า คุณควรจะมีจุดยืนของตัวเองได้แล้วนะ นี่ข้อ 10 แล้ว
11. Jump through hoops. Check off boxes.
รอจนเวลาผ่านไปใกล้จะปิดกล่อง
ไม่มีอะไร ชีวิตเกิดมาเพื่อรอเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่จะดีกว่ามั้ยหาก ในช่วงที่เกิด ก่อนจะแก่ ก่อนจะเจ็บ ก่อนจะตาย ได้ทำประโยชน์ ได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อสังคม เพื่อคนที่ตัวเองรักให้ได้มากกว่านี้ ดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ แบบคนธรรมดาคนนึง ที่โลกไม่เคยรู้จัก และไม่น่าจดจำ
บทความแปลและขยายความอันนี้ผมติด draff ไว้ตั้งแต่ 13 พ.ย. 56 ข้ามปีถึงได้ publish