“หญิงไทยควรรักนวลสงวนตัว” เคยได้ยินคำนี้แล้วคิดสงสัยกันมั้ยว่า มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ใครเป็นคนกำหนด และรูปที่เราเห็นเมื่อก่อนที่ไม่ใส่เสื้อ เห็นนมเห็นเต้านั่นมันอะไร วันนี้จึงได้ไปหาคำตอบของคำว่า “รักนวลสงวนตัว” ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร มันมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่
จนไปพบกับบทความหนึ่ง ซึ่งอธิบายไว้ได้ชัดเจน ตรงกับความต้องการของผมมาก ผมจึงคัดลอกบางช่วงมาดังนี้ครับ
สุจิตต์ วงษ์เทศ รื้อถอนวาทกรรม “สาวไทยต้องรักนวลสงวนตัว”
…..ในยุครัตนโกสินทร์ แม้บทบาทของเพศหญิงจะหายไปจนแทบไม่มีเหลือ แต่วาทกรรมเรื่องเพศต่างๆ เช่นชิงสุกก่อน หรือการรักนวลสงวนตัวก็ยังไม่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นนางสีดา และนางพิมพิลาลัย ที่เป็นนางในวรรณคดียุครัตนโกสิน ทั้งสองเสียตัวและแต่งงานตอนอายุ 16 ปีทั้งคู่ แม้ในยุคดังกล่าวจะมีการแต่งสุภาษิตสอนหญิง และตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศออกมา แต่วรรณกรรมเหล่านี้มีไว้ให้ลูกสาวของชนชั้นสูงยึดถือปฎิบัติ เพื่อให้ผู้ชายในราชสำนักสนใจเอาไปเป็นภรรยา ไม่ต่างจากหมอนวดในปัจจุบัน ฉะนั้นหากเราสนับสนุนให้เยาวชนไทยยึดถือวรรณกรรมพวกนี้เป็นแบบอย่าง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้เยาวชนไทยเป็นหมอนวด
จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าคนไทยสมัยก่อน มองว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือสิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด คำว่า “วัยอันควร” ที่เราชอบอ้างกัน สำหรับคนสมัยก่อน อายุ 16-19 ปี ก็ถือเป็นวัยอันควรแล้ว เพราะวัยดังกล่าวเป็นวัยเจริญพันธุ์ การห้ามไม่ให้เยาวชนมีเพศสัมพันธ์ ในช่วงวัยที่เขาต้องการมีเพศสัมพันธ์มันจึงเป็นไปไม่ได้ คนโบราณเขาเข้าใจจุดนี้จึงไม่มองเรื่องเพศเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ผู้ใหญ่สมัยนี้ต้องการจะสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยลวงๆ ขึ้นมาอันเป็นผลพวงจากลัทธิคลั่งชาติ ผลักภาระไปให้เพศหญิง สร้างวาทกรรม “รักนวลสงวนตัว” ขึ้นมาแทนที่จะสอนวิธีการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การผลักภาระเช่นนี้ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งกับเพศหญิง เราอ้างความเป็นไทย จนลืมความเป็นมนุษย์ ใช้ความเป็นไทยมาทำร้ายธรรมชาติของมนุษย์เสียเอง ซึ่งทั้งที่จริงๆ แล้วความเป็นไทยแท้นั้นไม่มีจริง เป็นเพียงแค่การหยิบเอาวัฒนธรรมของชาติอื่นๆ มาผสมกันแล้วคิดเอาเองว่ามันคือความเป็นไทยเท่านั้น
ที่มา: http://www.prachatai.com/journal/2013/05/46559
นั่นแหละครับ ผมคิดเหมือนคำพูดข้างบนทุกประการ คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความต่อไปอีกแล้ว สรุปว่า “รักนวลสงวนตัว” เราตอแหลกันขึ้นมาเอง ไม่ใช่อัตลักษณ์ที่มีมาแต่ปางก่อน เป็นเพียง “ค่านิยม” ของคนสมัยก่อนที่ปลูกฝังกันมาแค่นั้น
*ลองอ่านดูอันนี้อีกที่นึง?http://pantip.com/topic/32476555
ภาพประกอบจาก :
http://noo5626oum.wordpress.com/นางในวรรณคดีไทย/
https://kajarp.wordpress.com/2011/04/18/nang-songkran-sompop-budtarad/