Wanna be Programmer

ช่วงนี้กำลังจะเตรียมคอร์สสอนอย่างจริงๆ จังๆ เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ พอเริ่มทำคอร์ส เก็บข้อมูล ลองพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะ มีบางอย่างที่ทำให้ต้องฉุดคิด เกี่ยวกับบทเรียนที่จะมาใช้สอน วิชาที่ผมเน้นสอนจะเป็นเรื่องการเขียนโปรแกรม หรือพูดง่ายๆ ก็เป็นวิชาชีพโปรแกรมเมอร์นี่เอง ซึ่งมันอาจจะมีคนสนใจเรียนทางด้านนี้อยู่บ้าง แต่หาที่เด่นๆ โดนๆ ได้ยาก เนื่องจากว่า การทำงานของโปรแกรมเมอร์นั่น มันไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แผนงานแบบเดิมยังใช้ได้ แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในอีกระดับแล้ว จะพบว่าโครงสร้างการทำงาน การเดินทางสู่เป้าหมายมันไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างให้ง่ายๆ อาทิเช่น หากเราต้องการหาอะไรทาน เราก็เข้าครัวทำอาหาร หรือ ไปกินข้างนอก นั่นคือสิ่งที่คนทั่วๆ ไปทำ ซึ่งโปรแกรมเมอร์มันก็มีเท่านี้เช่นกัน แต่…แตกต่างกันที่การได้มาซึ่ง… มันมีกระบวนการ มีวิธีการที่คนทำอาชีพนี้ต้องเข้าใจอย่างละเอียด อธิบายคือ ถ้าจะเข้าครัว คุณมีตัวแปรที่กำหนดขึ้นมาแล้วนั่นคือ วัตถุดิบ, อุปกรณ์, อาหารที่จะทำ, ใครกินบ้าง เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว เรายังต้องลำดับขึ้นตอนการทำต่อไปอีกว่า จะเริ่มต้นจากอะไรก่อน จะเตรียมเครื่อง หรือ ตั้งเตา ตั้งกระทะก่อน มันจะมีกระบวนการของมัน ที่แตกต่างกันออกไป และเงื่อนไขที่ถูกเติมเข้าไป เช่นเวลาในการลวกไข่ เวลาในการทอด ปริมาณเครื่องปรุง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ สามารถใช้อะไรแทน ถ้าไม่มีอุปกรณ์ จะทำอย่างไร

อีกทางหนึ่งคือไปทานข้าวนอกบ้าน ก็ต้องมีเงื่อนไขแล้วว่า มีเงินเท่าไหร่ จะกินที่ไหน จะไปยังไง จะถึงตอนไหน คนจะเยอะมั้ย จะมีที่จอดรถหรือป่าว คือมันเป็นลักษณะของโปรแกรมเมอร์ที่ต้องคิดตลอดเวลา ซึ่งมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านมาแล้ว พอมีวิชาบ้างแล้วก็เริ่มจะหาทางเดินของตัวเองได้ แต่ยังไปไม่ถูก ไปไม่ถูกก็ไม่ได้กิน พอไม่ได้กิน คนส่วนมาก็ท้อแท้ และออกจากการทำอาชีพนี้ไปโดยปริยาย ด้วยสาเหตุที่เบื่อหน่ายต่อการแก้ปัญหา เบื่อการคิด วิเคราะห์ คนที่ทำอาชีพนี้จริงๆ จังๆ ในประเทศจึงมีไม่มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเด็กหน้าใหม่ๆ ไฟแรงๆ เข้ามาสู่วงการนี้มาก ต้องรอดูว่าเขาจะมีส่วนช่วยผลักดันวงการโปรแกรมเมอร์ไทยไปได้ไกลแค่ไหน

ที่เขียนมาทั้งหมดไม่มีสาระอะไรหรอก บ่นมาเพื่อจะบอกว่า

“อยากจะเป็นโปรแกรมเมอร์ต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย”

*ปล. กำลังคิดว่ามันจะเหนื่อยเปล่า?ถ้าผู้มาเรียน เรียนแค่รู้แล้วก็ทิ้งไป