จากการสังเกตุ facebook page ใหญ่ๆ มาซักพัก ทำให้เกิดความสงสัยบางอย่างขึ้น เกี่ยวกับเรื่องของการทีมีบุคคลบางประเภท แย่งกัน “เม้นแรก” หรือ 1st comment ด้วยการพิมพ์ บ้างก็จุด บ้างก็ตัวเลข ด้วยข้อความอะไรก็ตามแต่ ที่รวดเร็วที่สุด ไวที่สุด พร้อมกับการ capture ภาพมาโชว์ ว่า “กูนี่แหละ ที่ 1” กูมาอันดับแรกของคอมเม้นเลย
เมื่อมีประเพณีเม้นแรกแล้ว จากนั้นก็จะมีประเพณีต่างๆ ตามมามากมาย อาทิ
Jump to Contents
- 1 ด่าเม้นแรก
- 2 ขอไลค์
- 3 ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
- 4 ส่วนมากจะใช้คำพูดในเชิงปฏิเสธ หรือห้ามปราบ ว่า “อย่าไลค์กูนะ เดี๋ยวเมียรู้ว่าแอบเล่น” ก็ไม่แตกต่างกับการเรียก ขอ “Like” แบบตัวอย่างก่อนหน้านี้
- 5 ข้อความโดนใจจริงๆ
- 6 ก๊อบเม้นต์
- 7 พ่อค้าแม่ค้า
- 8 ข่าวดัง หรือ การเมือง
- 9 เม้นด้วยภาพ
- 10 เม้นลูกโซ่
- 11 บทสรุปประเพณีวิ่งควาย ใครได้ใครเสีย
ด่าเม้นแรก
ด้วยถ้อยคำต่างๆ เชิงตัดพ้อบ้าง ด่าทอแบบตรงๆ บ้าง เชิงเปรียบเปรยก็มี อย่างที่ได้เห็นบ่อยๆ เช่น “เม้นแรกพ่องตาย” , “เม้นแรกแล้วหำมึงใหญ่ขึ้นหรอ”, “จุดทำไมไอ้สัส”, “แข่งกันนับเลขหาพ่อง” ,”คลิป 3 นาที 10 วิ มึงเม้นกันแล้ว”, “วิ่งควาย” เป็นต้น
ขอไลค์
ขอกันแบบดื้อๆ ด้วยข้อความที่แสดงให้เห็นว่า อยากให้วันนี้เป็นวันพิเศษ หรือ เพื่อทำ mission อะไรซักอย่างให้สำเร็จ อาทิเช่น ไลค์กูหน่อยวันนี้วันเกิดกู, ไลค์ก็หน่อย แม่จะให้เงินไปซื้อเสื้อใหม่, โดยการขอไลค์แบบนี้โดยมากข้อความจะระบุวัตถุประสงค์หลัก ว่าต้องการไลค์เพื่ออะไร บ้างก็ต้องการเช็คเรทติ้ง บ้างก็ขำๆ คล้ายเครียดกันไป
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ส่วนมากจะใช้คำพูดในเชิงปฏิเสธ หรือห้ามปราบ ว่า “อย่าไลค์กูนะ เดี๋ยวเมียรู้ว่าแอบเล่น” ก็ไม่แตกต่างกับการเรียก ขอ “Like” แบบตัวอย่างก่อนหน้านี้
ข้อความโดนใจจริงๆ
ข้อความประเภทนี้เป็นข้อความที่สร้างสรรค์ บ้างก็สั้น บ้างก็ยาวปะปนกันไป ส่วนมากแล้วเป็นข้อความในเชิงการอธิบายความรู้สึก หรือ คำบรรยายประกอบภาพ ที่สื่อถึงเนื้อหา การให้แง่คิด ข้อซักถาม ที่เป็น common sense โดนพื้นฐานความเข้าใจของมนุษย์อยู่แล้ว บ้างก็เป็นวลีเด็ดๆ ที่ติดกระแสในช่วงนั้น เช่นคำว่า “อ่อนหัด” “มีความพยายามแต่ยังอ่อนหัด” ข้อความประเภทนี้จะสังเกตุได้มาก ถ้าหากมีความยาวเกิน 7 บรรทัด มักไม่ได้ขึ้น TOP COMMENT เพราะว่า คนไทยเดี๋ยวนี้สมาธิสั้น ชอบอ่านอะไรที่สั้นๆ กระชับ จนมีวลีนี้ให้เห็นบ่อยๆ “ยาวไปไม่อ่าน”?
ก๊อบเม้นต์
พวกนี้จะออกแนวมักง่ายไปซักหน่อย โดยการใช้ “ข้อความสำเร็จรูป” ที่พิมพ์ไว้แล้ว หรือไป copy ของคนอื่นมา เพื่อโพส ทำนองเดียวกับ SPAM นั่นละ
พ่อค้าแม่ค้า
พวกนี้จะไม่สนใจว่า Topic ของเรื่องราวมันจะเป็นมายังไง สัจแต่จะขายของ โดยมากจะเม้นต์แทรกเข้าไปใน TOP COMMENT หรือ Comment ที่มียอด Reply สูงๆ โดยจะแอบขายของไปในตัว ไม่ว่าจะขายครีม ขายยาอกฟู รูฟิต ขายโน่น นั่น นี่ แล้วแต่จะขาย
ข่าวดัง หรือ การเมือง
คล้ายกับพวกเม้นโดนใจ แต่ มีเนื้อหาหลักๆ คือ ข่าวดังในช่วงนั้นๆ หรือ สถานการณ์การเมือง โดยจะเอารูปของบุคคล ที่เป็นข่าว มาตัดต่อเป็นเรื่องราว ที่พบเห็นมากๆ จะมี “เณรคำ”, “พี่เต๋า”, “TGT ผ่านครับ”, “คิม จ็อง อึน” , “ชัชชาติ” , “สุเทพ”, “มาร์ค” และ Meme ต่างๆ โดยใส่ข้อความตามชอบใจ
เม้นด้วยภาพ
เม้นบางอย่างไม่ได้สื่อความหมาย เพียงแต่ต้องการใส่รูปใน comment เท่านั้น บ้างก็เป็นรูปตลก บ้างก็เป็ก ปะปนกันไป โดยกระบวนการก็จะเหมือนกับ “ก๊อบเม้น” แต่ต่างกันที่ มันเป็นรูปภาพเท่านั้นเอง
เม้นลูกโซ่
ข้อความมันมาแต่ไหนไม่รู้ ยังมาเม้นกันต่อๆ เป็นทอดๆ กี่สิบปีก็ไม่หมด เป็น SPAM อีกประเภทหนึ่ง คล้ายกับหัวข้อ ก๊อบเม้น แต่ผลที่ได้คือ มันจะมีคนเอาไปเม้นต่ออีก อย่างน้อย 10 เม้นต์ มักจะลงท้ายว่า “ขอโทษนะ เพื่อนส่งมา”
บทสรุปประเพณีวิ่งควาย ใครได้ใครเสีย
เนื่องจาก facebook มันมีพลังมหาศาลมาก มันเป็น social network ขนาดใหญ่ ทำให้การสื่อสารเรากระชับฉับไวมากยิ่งขึ้น ในแต่ละวันเราได้รับเนื้อหา เรื่องราว ต่างๆ เข้ามามาก จนจำไม่ได้ ว่ามีอะไรบ้าง เราได้รับรู้การเคลื่อนไหวของเพื่อน ของญาติสนิท ตลอดจนคนที่เราติดตามความเคลื่อนไหวของเขา ดังนั้น ผมจึงไม่แปลกในเลยว่าทำไม Page ใหญ่ๆ หรือบรรดาเพจน้อยๆ ที่ content หลักคือเรื่องจับฉ่าย ไม่ได้เน้นสาระสำคัญของการถ่ายทอด หรือ ไม่ได้ต้องการ คุณภาพจาก comment เขาต้องการเพียงยอดไลค์ และ Organic Reach เท่านั้น ยิ่งคนเห็นมากเท่าไหร่ ผลลัพท์ในการแสดงผลก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นการลงแรง ที่ไม่ต้องลงทุนอะไร เหมือนการยิงปืนนัดเดียว ได้ลูกนกหลายๆ ตัว
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เพราะในแต่ละ comment ของคุณ เพื่อนของคุณ ที่อยู่ใน Friend list เขาจะเห็นคุณ เขาจะเห็นพฤติกรรมของคุณ เขาจะเห็นคุณจาก new feed ว่าคุณเม้นอะไร ที่ไหน อย่างไร จากนั้นถ้าเขาเห็นด้วย หรือ รับรู้รับทราบ เขาก็จะเข้ามา like หรือ comment ตอบ หากว่า comment ของคุณถูกในคนอื่น คนอื่นก็จะมาตอบ มากด like และยังทำให้เพื่อนๆ เขาสามารถเห็นสิ่งที่เขาตอบคุณอีกด้วย
มันทำให้เกิดการกระจายของข้อมูลข่าวสาร ไปในวงที่กว้างขึ้นๆ เหมือนการโยนหินลงไปในสระน้ำ เมื่อเกิดคลื่น มันจะกระจายตัวออกในวงกลม ไปสุดลูกหูลูกตา แต่เมื่อมันกระทบกับฝั่ง หรือขอบสระ มันก็จะสะท้อนกลับมาอีก มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแผ่วลงไปเอง หรือ มีคลื่นใหม่ที่มีกำลังแรงกว่าเข้ามาแทรก ทำให้คลื่นลูกเก่าหมดกำลังไปเอง
เป็นเช่นนี้แล้ว ผมถึงอยากสรุปได้ว่า “WIN-WIN” คุณก็ชนะ ได้เม้นแรกของคุณ ผมก็ได้กระจายสื่อของผม พวกเราก็ชนะไปด้วยกัน ไม่มีใครเสีย เว้นแต่เนื้อหานั้นจะเป็น Hate Speech ที่สื่อให้เกิดความเกลียดชัง และมีผลเสียต่อบุคคลอื่น มันก็จะเสื่อมเสียไปในวงกว้างเช่นกัน ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่า เราจะเลือกอย่างไร
