วันก่อนได้ดูคลิปเด็กตบกัน แบบที่พอจะรู้เรื่องรู้ราวบ้าง ว่าเกิดจากการที่อีกคนไปด่าด้วยถ้วยคำหยาบคาย หรือ เพราะมันระคายหูก็ไม่รู้ซินะ จนกลายเป็นเรื่องใช้กำลังตบตีกัน ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิง ที่จะใส่ใจและศรัทธากับคำพูดมากว่าการกระทำ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ผู้หญิงเขาชอบนักแล กับเรื่องตอหลก ตอแหลแบบนี้
ทีนี้ก็พอคิดได้ว่า มันจะอะไรนักหนากับคำพูดคน มันจะเดือนร้อนอะไรนักหนากับคำด่าเชยๆ คำด่าทั่วๆ ไป ที่ได้ยินกันแทบทุกวัน มันก็แค่คำๆ นึงในภาษา ที่มีความหมายขึ้นอยู่กับผู้ตีความ ถ้ามันเป็นคำตามหลักภาษาอย่างนั้นจริง การที่เราไปใส่ใจ เชื่อมั่นศรัทธา ว่าคำๆ นี้มันทำให้มีผลกระทบต่อเรา หรือ ทำให้เราต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้มีผลลัพท์เกิดขึ้นตามความพึงพอใจ ผมว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับหลังคำสอนของศาสดาเลยนะ
ต่างกันมั้ยที่คำสอน ถ้าไม่มีคนเชื่อ มันก็เหมือนลมปาก
ต่างกันมั้ยที่คำด่า ถ้าไม่มีคนสนใจ มันก็เหมือนลมปาก
มันก็ต่างเป็นลมปาก จะเอาอะไรนักหน้ากับมนุษย์ ที่มีอากาศหายใจ
พ่อแม่สอนยังไม่เชื่อฟัง มาฟังกับอีคำไม่กี่คำ ที่ทำให้เชื่อสนิทใจว่าเป็นอย่างงั้นอย่างงี้
พระเทศน์อะไรไม่เข้าใจ แต่อีห่านี่มันด่าเข้าหูได้ยินทุกคำ เข้าใจทุกความหมาย
มันไม่ใช่เพราะเขาด่าหรือว่าลมปาก แต่มันอยู่ที่คนเราเลือกจะฟังอะไรมากกว่า
ถ้าบางครั้งผมเห็นไม่ต้องฟัง แค่หมันใส้ มันก็หาเรื่องต่อยกันได้แล้ว ไม่เห็นแปลก
ผมเองยังเคยรู้สึกหมันใส้อย่างทำอะไรหลายๆ อย่าง โดยไม่สนใจหรอกว่าผลลัพท์มันจะเป็นยังไง รู้แค่ว่ากูพอใจ
ถ้าเราจะไปมัวติดกับคำด่าของคนอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะจิตสำนึกในการรับรู้ของคนเรามันไม่เหมือนกัน ผมเองก็ช่วยใครไมได้ ได้แค่เอาตัวรอด เพราะผมเองไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะด่าอะไรยังไง ก็แค่ลมปาก ด่าไปซิ มันไม่เข้าหัวเลยซักนิดเดียว กลับชอบเสียอีกทีมีคนบ้าคนนึงมาอ้าปากสู้อาการและพ่นออกมา บลาๆๆ ให้ชวนหัวร่อ
“คำด่า” ก็เหมือนคำสอนของ “ศาสดา” นั่นแหละ
ถ้าคุณไม่ “เชื่อ” ไม่ “ศรัทธา” มันก็แค่ ลมปาก
ภาพประกอบจาก: matichon
* ภาพประกอบนี้ใช้เพื่อประกอบเนื้อหาที่เป็นฉากการตบตีเท่านั้น ผู้จัดทำมิได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่น บุคคลในภาพแต่อย่างใด?