ความน้อยเนื้อต่ำใจ

ว่าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ ไม่ได้ขึ้นกับทุกคน หรือ อาจเกิดกับมนุษย์ทุกคนก็เป็นได้ แต่ละคนก็มีวิธีการจัดการไม่เหมือนกัน บ้างก็รับได้และทำความเข้าใจ บ้างก็ปล่อยให้มันผูกมัดใจจนเป็นปม ยิ่งปล่อยวางไม่ได้ ปมก็ยิ่งพันกันใหญ่ขึ้น ยุ่งวุ่นวายมากขึ้น จนสุดท้ายก็ยากกว่าจะแก้ไข

เหตุการณ์หนึ่งที่พบเจอมากับตัว ขณะกำลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ มีผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งมาตัดพ้อกับคนอื่น ๆ ในร้านว่า

“วันนี้ฉันไปดูโทรศัพท์มือถือมา ว่าจะซื้อใหม่ซักเครื่องนึง พอเข้าไปในร้านขายมือถือ แล้วขอคนขายเขาดูมือถือเครื่องใหม่”

“แต่คนขายมันคงเห็นเราแต่งตัวปอนๆ เสื้อผ้าเก่าๆ มันก็เลยหยิบเครื่องมือสองมาให้ดู บอกว่าเครื่องนี้ก็ใช้ดี แนะนำอย่างงั้นอย่างงี้”

“นี่ถ้าฉันใส่ชุดที่ทำไรทำสวนเลอะดินเลอะโคลนไปมันคงไม่ให้เข้าร้านแล้วมั้งเนี่ย”

“แล้วแกได้รุ่นไหนมาละ” แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวถาม

“ก็ไม่ซื้อมันเลย กลัวมันหลอกขายให้เรา เห็นว่าเราโง่ๆเซ่อๆ คงไม่รู้อะไร”

และอีกหลายกรณี ที่ได้ยินได้ฟังมา ไม่มีใครจะห้ามความคิดน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเราเองได้ นอกจากตัวเราเอง ที่ต้องฝึกที่จะหักห้ามใจ ไม่คิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่คิดเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกันคนนั้นคนนี้ เพราะถ้าเปรียบแล้วมันไม่เกิดประโยชน์ เท่ากับเสียเวลาและเสียสุขภาพจิตซะด้วย ส่วนตัวเองก็เคยผ่านเรื่องการเปรียบเทียบมาบ้าง แต่สารภาพตามตรงว่าจำไม่ได้ เพราะอนึ่งเราเองไม่ได้ใส่ใจกับการเปรียบเทียบนั้น เสมือนเป็นลมที่ผ่านจมูกไป ซึ่งจำได้เพียงว่ามันเคยมีลมผ่านนะ แต่ไม่ได้ยินเสียงลมว่าดังยังไง

สุดท้ายแล้วการเปรียบเทียบแบบคนสิ้นคิด ก็จะ ตกอยู่ในความทุกข์ของตัวเอง จับจดกับปมด้อยของตัวเอง แต่นั่นก็ดีนะ ท่านยังได้รู้จักตัวเอง ว่าท่านมี “ปมด้อย” ต่างจากเราเอง ที่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเลยว่าเรามีปมด้อยอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไข เรามองไม่เห็น หรือ เราทำเป็นไม่สนใจ หรือว่ามันอาจจะไม่มี เพราะเราเองไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจเลย มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย เพราะเราเองไม่ค่อยเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ส่วนมากแล้ว เราจะออกแนว “อิจฉา” ซะมากกว่า ว่าคนนั้นทำอย่างงั้นได้ เราก็ต้องทำได้ คนโน่นทำอะไรได้ เราก็อยากทำได้บ้าง นั่นเป็นเพราะเรา “ต้องการ” เป็นเหมือนเขา เก่งกว่าเขา ซึ่งมันก็เป็น “กิเลสทางความรู้” ที่เราไม่รู้จักพอเพียง เราจะเรียนไปเรื่อยๆ

การจะหลุดพ้นจากความทุกข์ตรมในความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ ต้องสร้างกำลังแรงใจให้ตัวเอง หมั่นศึกษาและปฏิบัติในสิ่งที่พัฒนาตัวเอง อย่าอยู่ไปวันๆอย่างคนไร้ค่า คุณค่าเราสร้างได้ด้วยตัวเอง แล้วให้รู้จักภูมิใจในสิ่งที่ตนมีและเป็น

“จงเป็นดั่งกอไผ่ ที่ไหวตามสายลม จักไม่มีวันหักโค่นลงได้

นับวันจะยิ่งเติบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปให้ร่มเงา

แต่เมื่อใดที่ไฟมันสุมในใจ กอไผ่ก็จะลุกไหม้ ได้ด้วยตนเอง….นั้นแล”

ขอฝากคำสอนของพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี่

อย่าไปนึกว่า “คนอื่น” เหนือ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
อย่าไปนึกว่า “คนอื่น” ต่ำ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
อย่าไปนึกว่า “คนอื่น” เสมอ เท่าเรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
จงนึกเสมอว่า “คนอื่นทุกคน” เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด