ผมผิดเองที่เกิดมาโง่

ช่วงนี้มันชักจะหนักข้อขึ้นทุกวันสังคมเรา เอาอย่างด้านแย่ๆ ของต่างประเทศมาหมด ย้ำเลยว่าเอามาแต่ด้านแย่ๆ แย่มาก ไม่ไหวจะเคลียร์ ผมเองไม่ใช่คนแก่ขี้บ่น แต่ว่าไม่มีกำลังเสียงพอจะบอกใครได้ ว่ามุมมองที่ผมเห็นมันเป็นยังไง มีแต่พื้นที่ส่วนตัวอยู่เท่านี้ และไม่ถือว่าไปลุกล้ำ “สิทธิส่วนบุคคล” ของคนอื่น อย่างที่ใครหลายๆคน ชอบอ้าง (อ้างพ่อง) และเรารู้ตัวเราเองว่าเราคิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น และไม่ค่อยยอมรับในความคิดคนอื่น ถ้าคิดว่าความคิดตัวเองถูกต้องและดีแล้ว จนกว่าจะได้งัดแง่คิดจนถึงที่สุดถึงจะยอมรับได้ ซึ่งมันก็ทำให้เราอยู่ในสังคมยากเหมือนกัน ถ้าเสนอตัวอะไรออกไป เอาเป็นว่า “อยู่เฉยๆดีกว่า”

คนเราทุกคนก็เกิดมาโง่ทั้งนั้นแหละ ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์ตัวไหนมันเกิดมาฉลาดโดยไม่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องเติบโตหรอก นี่มันเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่มี “ประสบการณ์” จะมี “ความรู้” ได้อย่างไร แยกให้ออก ระหว่าง “แค่รู้” หรือ “ความรู้” สองสิ่งนี้มันต่างกันตรง “การนำไปใช้” ผมเองชอบนั่งอ่านความคิดเห็นคนอื่น ในกระทู้ที่เป็นประเด็นที่ต้องให้คนมาถกเถียง มาทะเลาะกัน มางัดเหตุผลเพื่อโต้แย้งกัน เพื่อแสดงความเหนือกว่า ฉลาดกว่า เจ๋งกว่า พอสุดท้ายใครแพ้ ก็หนีไปไม่กลับมายอมรับว่าตนเองผิด ตนคิดผิด หรือผมโง่เอง อะไรแบบนี้ มีแต่ กูนี่แหละฉลาด กูรู้มาก กูเจ๋ง พ่อแม่ยังสอนกูไม่ได้เลย สาดดด อะไรทำนองนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้มันเริ่มเยอะ เยอะมาก

วันก่อนได้ดูรายการทีวีทางช่อง ThaiPBS ยอมรับว่ารายการเขาดีจริงๆ “รายการ ใจดีสู้สื่อ” เป็นรายการที่ตีแผ่เรื่องของ “สื่อ” สื่อที่มอมเมา สื่อที่เป่าหัว ล้างสมองเยาวชน และผู้ที่เสพสื่อ สื่อทำมาเพื่อสร้างสิ่งเร้า สร้างความเคยชิน สร้างต้นแบบใหม่ๆ สร้างอะไรก็ตาม ให้ไปในแนวทางที่เขาต้องการ โน้มน้าวให้เราคิดตาม โน้มน้าวให้เชื่อ หลง และซื้อสินค้า เชื่อ ศรัทธาในสิ่งนั้นๆ อย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะว่าเราถูกสื่อครอบงำ จนโงหัวไม่ขึ้น สื่อได้นำคลิปหนึ่งมาให้ดู และก็มีเด็กนักเรียนดูด้วย จากนั้นตั้งคำถามแก่เด็ก เกี่ยวกับคลิปที่ดู

ผลปรากฏว่า ผมเองถึงกับต้องเร่งเสียงทีวีให้ดังขึ้น เพื่อจะได้ยินอะไรได้ชัดเจน ตั้งแต่ผมดูรายการทีวีมา ไม่เคยรู้สึกว่าเด็กไทยจะโง่ลงๆ ได้เท่านี้มาก่อนเลย การตอบคำถาม มันก็ตามกระแสสังคมปัจจุบัน ด้วยทีท่าทางสังคม วาจา หรือ แนวคิดอะไรต่างๆ นานา มันไม่เหมือนเด็กไทยเก่งๆ ที่ผมเคยเห็นในสื่ออีกต่อไป นี่คือความจริงครับ “ผมผิดเองที่เกิดมาโง่”

สังคมไม่ได้สอนเรื่อง วิจารณญาณ แก่เยาวชนเลย แม้จะมีบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ เพราะเดี๋ยวนี้สังคมมันเปลี่ยนไป วัตถุนิยมมันเข้ามาครอบงำเรา มากกว่าจิตใจเสียแล้ว มันก็ยากเกินจะเยียวยา ทางแก้ไขมันมีแต่ต้องช่วยกัน เริ่มจากครอบครัว และสังคม สุดท้ายจบที่ประเทศชาติ ฝ่ายบริหารต้องจริงจังกับความโง่ของเยาวชน กับความโง่ของผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้ฉลาดมาแต่เกิด ต้องจริงจังกับการศึกษาหาความรู้ และมอบวิจารณญาณ ให้มันฝังลงในจิตใต้สำนึก ไม่เช่นนั้น อีกไม่นานผมว่าจะถึงวันที่ไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครโง่ใครฉลาด เพราะทุกๆ คนจะดักดานไปด้วยกัน สังคมจะดักดานไปด้วยกัน ประเทศชาติก็จะดักดานไปด้วยกัน คนเก่ง คนฉลาด เขาก็หนีไปอยู่ในประเทศที่ยอมรับและเห็นความสำคัญของเขาแล้วละ ถ้าป่านนี้ยังคิดอะไรกันไม่ได้ และจะมาทิ้งภาระให้พ่อพิมพ์แม่พิมพ์ก็คงไม่ได้เพราะเดี๋ยวนี้ก็มีเห็บหมัด มากัดกินทุกวงการ

เริ่มจากการที่เราเองเสพสื่อ และเสพสิ่งรอบข้างอย่างมีวิจารณญาณดีกว่า อย่าเชื่ออะไรแค่ที่เห็น เพราะความเป็นจริงมันมีมากกว่านั้น